เครื่องคำนวณ
การซื้อขาย

ในการคำนวณกำไรและขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น:

1. เลือกตราสารการซื้อขายที่คุณต้องการซื้อขาย เช่น EURUSD
2. กรอกขนาดล็อต ตัวอย่างเช่น 0.1 ล็อต เท่ากับ 10,000 หน่วยของสกุลเงิน
3. เลือกสกุลเงินที่คุณต้องการใช้ในการคำนวณ - USD หรือ EUR
4. ตั้งค่าอัตราส่วนเลเวอเรจ เช่น 1:100
5. กรอกราคา Ask และราคา Bid หรือใช้ราคาตลาด ณ ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ
6. คลิกคำนวณเพื่อรับมาร์จิ้นที่ต้องการ ขนาดสัญญา มูลค่าจุด สเปรด และค่าสวอป

ในตัวอย่างของเรา หากต้องการเปิดสถานะ EURUSD 0.1 ล็อต และเลเวอเรจ 1:100 ในราคาตลาดปัจจุบัน คุณจะต้องมีมาร์จิ้น 100.91 USD

การคำนวณดังกล่าวจะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์การซื้อขายที่ดีที่สุดและทำการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลครบถ้วนก่อนเปิดสถานะ

มาดูกันว่าแต่ละค่าในผลการคำนวณหมายถึงอะไร:

• มาร์จิ้น คือจำนวนเงินที่จำเป็นในการเปิดและรักษาสถานะการซื้อขาย ช่วยให้คุณเข้าใจว่าจะใช้เงินจำนวนเท่าใดจากยอดเงินในบัญชีของคุณ
• ขนาดสัญญา คือจำนวนหน่วยของตราสารการซื้อขายในสถานะของคุณ ตัวอย่างเช่น หนึ่งล็อตในฟอเร็กซ์เท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ในขณะที่ 0.1 ล็อต = 10,000 หน่วย (0.1 × 100,000 = 10,000)
• มูลค่าจุด คือจำนวนเงินที่คุณได้รับหรือสูญเสียหากราคาเปลี่ยนแปลงไปหนึ่งจุด
• สเปรด คือความแตกต่างระหว่างราคา Ask (ซื้อ) และราคา Bid (ขาย) มันแสดงถึงต้นทุนในการเปิดคำสั่งซื้อขาย
• สวอป long และสวอป short คือดอกเบี้ยหรือรายได้สำหรับการถือสถานะข้ามคืน “สวอป long” ใช้กับสถานะซื้อ และ “สวอป short” ใช้กับสถานะขาย

การเทรดด้วยมาร์จิ้นหรือการซื้อโดยใช้มาร์จิ้นนั้นเกี่ยวข้องกับการยืมเงินจากโบรกเกอร์ของคุณเพื่อเปิดสถานะที่ใหญ่กว่าที่คุณสามารถทำได้ด้วยเงินทุนของคุณเพียงลำพัง แทนที่คุณจะจ่ายเองทั้งหมด คุณก็จะจ่ายเพียงเปอร์เซ็นต์ (มาร์จิ้น) ของราคาสินทรัพย์การซื้อขายแล้วโบรกเกอร์จะให้คุณยืมส่วนที่เหลือ

แนวคิดหลักในการเทรดด้วยมาร์จิ้นคือเลเวอเรจ เลเวอเรจจะแสดงเป็นอัตราส่วนระหว่างเงินทุนของเทรดเดอร์และเงินทุนที่ยืม เช่น 1:10, 1:50, 1:100 หรือ 1:1000 มันจะช่วยขยายเงินทุนของคุณ ซึ่งอาจทวีคูณผลกำไรหรือขาดทุนจากการเทรด ตัวอย่างเช่น ด้วยเลเวอเรจ 1:100 ทุก ๆ $1 ที่คุณลงทุนจะกลายเป็นเงินจำนวน $100 ดังนั้น หากคุณฝากเงิน $100 คุณจะสามารถเทรดได้ราวกับว่าคุณมีเงิน $10,000

เพื่อช่วยในเรื่องนี้ เครื่องคำนวณการซื้อขายของเราจะช่วยคุณในการหาจำนวนมาร์จิ้นที่ต้องใช้กับแต่ละคำสั่งซื้อขาย สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าต้องใช้เงินเท่าใดในการเปิดสถานะและสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพ